กฎกระทรวง ฉบับที่ 369 (พ.ศ. 2563) บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่มีความสัมพันธ์กัน
    • Dark
      Light

    กฎกระทรวง ฉบับที่ 369 (พ.ศ. 2563) บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่มีความสัมพันธ์กัน

    • Dark
      Light

    Article Summary

    กฎกระทรวง

    ฉบับที่ 369 (พ.ศ. 2563)

    ออกตามความในประมวลรัษฎากร

    ว่าด้วยการปรับปรุงรายได้และรายจ่าย

    ของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่มีความสัมพันธ์กัน


    อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 4 (2) แห่งประมวลรัษฎากร ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 20) พ.ศ. 2513 และมาตรา 71 ทวิ วรรคหนึ่ง แห่งประมวลรัษฎากร ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 47) พ.ศ. 2561 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังออกกฎกระทรวงไว้ ดังต่อไปนี้

    ข้อ 1 ในกฎกระทรวงนี้

    “บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่มีความสัมพันธ์กัน” หมายความว่า บริษัทหรือห้างหุ้นส่วน นิติบุคคลที่มีความสัมพันธ์กันตามมาตรา 71 ทวิ วรรคสอง

    “ข้อกำหนดทางด้านการพาณิชย์หรือการเงิน” หมายความว่า ข้อกำหนด ข้อตกลงหรือสัญญาใด ๆ ที่เกี่ยวกับการซื้อขายสินค้าหรือบริการ การตลาด การโฆษณา หรือการอื่นใดในทางพาณิชย์ หรือที่เกี่ยวกับการกู้ยืมเงิน การให้ความช่วยเหลือหรือความร่วมมือทางการเงิน หรือการอื่นใดในทางการเงิน ไม่ว่าจะมีการทาเป็นหนังสือหรือไม่ก็ตาม

    ข้อ 2 บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่มีความสัมพันธ์กันซึ่งมีข้อกำหนดทางด้านการพาณิชย์หรือการเงินระหว่างกันแตกต่างไปจากที่ควรได้กำหนดหากบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลดังกล่าวได้ดาเนินการโดยอิสระ ในลักษณะที่เชื่อได้ว่ามีการถ่ายโอนกาไร จะต้องเข้าลักษณะ ดังต่อไปนี้

    (1) มีข้อกำหนดทางด้านการพาณิชย์หรือการเงินระหว่างกัน

    (2) ข้อกำหนดดังกล่าวแตกต่างไปจากข้อกำหนดในลักษณะเดียวกันที่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วน นิติบุคคลที่ดาเนินการโดยอิสระควรได้กำหนด

    (3) ข้อกำหนดดังกล่าวมีผลทำให้เกิดการถ่ายโอนกาไรระหว่างกัน ผ่านกลไกอย่างหนึ่งอย่างใด ดังต่อไปนี้

    (ก) ราคาซื้อขายสินค้าหรือบริการ รวมถึงเงื่อนไขหรือวิธีการชาระค่าสินค้าหรือบริการที่แตกต่างไป เมื่อเปรียบเทียบกับกรณีที่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่ดาเนินการโดยอิสระใช้ในการซื้อขายสินค้าหรือบริการชนิดหรือประเภทเดียวกันและภายใต้สภาวการณ์เดียวกัน

    (ข) ดอกเบี้ย ค่าบริการทางการเงิน หรือค่าธรรมเนียมทางการเงินอื่นใดที่ได้รับหรือได้จ่ายระหว่างกันที่แตกต่างไป เมื่อเปรียบเทียบกับกรณีที่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่ดาเนินการโดยอิสระพึงได้รับหรือพึงได้จ่าย

    (ค) รายได้หรือรายจ่ายอื่น ๆ ที่ได้รับหรือได้จ่ายระหว่างกันแตกต่างไป เมื่อเปรียบเทียบกับกรณีที่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่ดาเนินการโดยอิสระพึงได้รับหรือพึงได้จ่าย

    ข้อ 3 การปรับปรุงรายได้และรายจ่ายของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่มีความสัมพันธ์กันเพื่อให้ได้จานวนรายได้ที่พึงได้รับและรายจ่ายที่พึงได้จ่ายหากบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลดังกล่าวได้ดำเนินการโดยอิสระ ให้เจ้าพนักงานประเมินดาเนินการตามหลักเกณฑ์และวิธีการ ดังต่อไปนี้

    (1) กรณีที่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่มีความสัมพันธ์กันมีการทำธุรกรรมในลักษณะเดียวกันกับบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลอื่นที่ดาเนินการโดยอิสระอย่างเป็นปกติธุระ ให้ใช้ข้อมูลเกี่ยวกับรายได้หรือรายจ่ายจากธุรกรรมดังกล่าวในการพิจารณากำหนดจานวนรายได้ที่พึงได้รับและรายจ่ายที่พึงได้จ่าย

    (2) กรณีที่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่มีความสัมพันธ์กันไม่มีการทำธุรกรรมตาม (1) ให้ใช้ข้อมูลการทำธุรกรรมลักษณะเดียวกันระหว่างบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลอื่น ไม่ว่าธุรกรรมนั้น จะกระทำในหรือนอกประเทศหรือกระทำโดยบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลซึ่งตั้งขึ้นตามกฎหมายไทยหรือกฎหมายต่างประเทศ ในการพิจารณากำหนดจานวนรายได้ที่พึงได้รับและรายจ่ายที่พึงได้จ่าย

    ข้อ 4 ให้อธิบดีประกาศกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการดาเนินการตามข้อ 2 และข้อ 3

    ข้อ 5 รายได้ที่พึงได้รับและรายจ่ายที่พึงได้จ่ายตามที่เจ้าพนักงานประเมินได้ปรับปรุงตามข้อ 3 ให้นาไปใช้คำนวณกาไรสุทธิที่ต้องเสียภาษีตามมาตรา 65หรือเงินได้พึงประเมินที่ต้องเสียภาษีตามมาตรา 70 หรือมาตรา 70 ทวิ


    ให้ไว้ ณ วันที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2563

    อาคม เติมพิทยาไพสิฐ

    รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง


    หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้กฎกระทรวงฉบับนี้ คือ เนื่องจากมาตรา 71 ทวิ แห่งประมวลรัษฎากร ได้กำหนดให้เจ้าพนักงานประเมินมีอำนาจปรับปรุงรายได้และรายจ่ายของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่มีความสัมพันธ์กัน ในกรณีที่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลดังกล่าวมีข้อกำหนดทางด้านการพาณิชย์หรือการเงินระหว่างกันแตกต่างไปจากที่ควรได้กำหนดหากได้ดาเนินการโดยอิสระ ในลักษณะที่เชื่อได้ว่ามีการถ่ายโอนกาไร โดยให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่กำหนดในกฎกระทรวง จึงจาเป็นต้องออกกฎกระทรวงนี้